คำสนธิ คือการสมาสโดยการเชื่อมคำเข้าระหว่างพยางค์หลังของคำหน้ากับพยางค์หน้าของคำหลัง เป็นการย่ออักขระให้น้อยลงเวลาอ่านจะเกิดเสียงกลมกลืนเป็นคำเดียวกัน
หลักสังเกตคำสนธิในภาษาไทย
การสนธิแบ่งเป็น 3 ประเภท คือ 1. สระสนธิ 2. พยัญชนะสนธิ 3. นฤคหิตสนธิ 1. สระสนธิ คือการนำคำที่ลงท้ายด้วยสระไปสนธิกับคำที่ขึ้นค้นด้วยสระ ซึ่งเมื่อสนธิแล้วจะมีการเปลี่ยนแปลงรูปสระตามกฏเกณฑ์
- ตัดสระพยางค์ท้ายคำหน้า แล้วใช้สระพยางค์หน้าคำหลัง เช่น
หลักสังเกตคำสนธิในภาษาไทย
การสนธิแบ่งเป็น 3 ประเภท คือ 1. สระสนธิ 2. พยัญชนะสนธิ 3. นฤคหิตสนธิ 1. สระสนธิ คือการนำคำที่ลงท้ายด้วยสระไปสนธิกับคำที่ขึ้นค้นด้วยสระ ซึ่งเมื่อสนธิแล้วจะมีการเปลี่ยนแปลงรูปสระตามกฏเกณฑ์
- ตัดสระพยางค์ท้ายคำหน้า แล้วใช้สระพยางค์หน้าคำหลัง เช่น
ราช + อานุภาพ
|
=
|
ราชานุภาพ
|
สาธารณ + อุปโภค
|
=
|
สาธารณูปโภค
|
นิล + อุบล
|
=
|
นิลุบล
|
- ตัดสระพยางค์ท้านคำหน้า และใช้สระพยางค์ต้นของคำหลัง โดยเปลี่ยนสระพยางค์ต้นของคำหลัง
อะ
|
เป็น
|
อา
|
อิ
|
เป็น
|
เอ
|
อุ
|
เป็น
|
อู
|
อุ, อู
|
เป็น
|
โอ
|
เช่น
พงศ + อวตาร
|
=
|
พงศาวตาร
|
ปรม + อินทร์
|
=
|
ปรเมนทร์
|
มหา + อิสี
|
=
|
มเหสี
|
- เปลี่ยนสระพยางค์ท้ายของคำหน้าเป็นพยัญชนะ คือ
อิ อี
|
เป็น
|
ย
|
อุ อู
|
เป็น
|
ว
|
ใช้สระพยางค์ต้นของคำหลังซึ่งอาจเปลี่ยนรูปหรือไม่เปลี่ยนรูปก็ได้ ในกรณีที่สระพยางค์ต้นของคำหลังไม่ใช่ อิ อี อุ อู อย่างสระตรงพยางค์ท้ายของคำหน้า เช่น
กิตติ + อากร
|
=
|
กิตยากร
|
สามัคคี + อาจารย์
|
=
|
สามัคยาจารย์
|
ธนู + อาคม
|
=
|
ธันวาคม
|
คำสนธิบางคำไม่เปลี่ยนสระ อิ อี เป็น ย แต่ตัดทิ้ง ทั้ง สระพยางค์หน้าคำหลังจะไม่มี อิ อี ด้วยกัน เช่น
ศักคิ + อานุภาพ
|
=
|
ศักดานุภาพ
|
ราชินี + อุปถัมภ์
|
=
|
ราชินูปถัมภ์
|
หัสดี + อาภรณ์
|
=
|
หัสดาภรณ์
|
2. พยัญชนะสนธิ คือการเชื่อมคำด้วยพยัญชนะเป็นการเชื่อมเสียง พยัญชนะในพยางค์ท้ายของคำแรกกับเสียงพยัญชนะหรือสระในพยางค์แรก ของคำหลัง เช่น
-สนธิเข้าด้วยวิธี โลโป คือลบพยางค์สุดท้ายของคำหน้าทิ้ง เช่น
-สนธิเข้าด้วยวิธี โลโป คือลบพยางค์สุดท้ายของคำหน้าทิ้ง เช่น
นิรส + ภัย
|
=
|
นิรภัย
|
ทุรส + พล
|
=
|
ทุรพล
|
อายุรส + แพทย์
|
=
|
อายุรแพทย์
|
-สนธิเข้าด้วยวิธี อาเสโท คือแปลงพยัญชนะท้ายของคำหน้า เป็นสระ โอ แล้วสนธิตามปกติ เช่น
มนส + ภาพ
|
=
|
มโนภาพ
|
ยสส + ธร
|
=
|
ยโสธร
|
รหส + ฐาน
|
=
|
รโหฐาน
|
3. นฤคหิตสนธิ คือ การเชื่อมคำด้วยนฤคหิต เป็นการเชื่อมเมื่อพยางค์หลังของคำแรกเป็นนฤคหิตกับเสียงสระในพยางค์แรกของคำหลัง มี 3 วิธี คือ
1. นฤคหิตสนธิกับสระ ให้เปลี่ยนนฤคหิตเป็น ม แล้วสนธิกัน
เช่น สํ + อาคม = สม + อาคม = สมาคม
สํ + อุทัย = สม + อุทัย = สมุทัย
2. นฤคหิตสนธิกับพยัญชนะของวรรค ให้เปลี่ยนนฤคหิตเป็นพยัญชนะตัวสุดท้ายของพยัญชนะในแต่ละวรรค ได้แก่
วรรคกะ เป็น ง
วรรคจะ เป็น ญ
วรรคตะ เป็น น
วรรคฏะ เป็น ณ
วรรคปะ เป็น ม
เช่น สํ + จร = สญ + จร = สัญจร
1. นฤคหิตสนธิกับสระ ให้เปลี่ยนนฤคหิตเป็น ม แล้วสนธิกัน
เช่น สํ + อาคม = สม + อาคม = สมาคม
สํ + อุทัย = สม + อุทัย = สมุทัย
2. นฤคหิตสนธิกับพยัญชนะของวรรค ให้เปลี่ยนนฤคหิตเป็นพยัญชนะตัวสุดท้ายของพยัญชนะในแต่ละวรรค ได้แก่
วรรคกะ เป็น ง
วรรคจะ เป็น ญ
วรรคตะ เป็น น
วรรคฏะ เป็น ณ
วรรคปะ เป็น ม
เช่น สํ + จร = สญ + จร = สัญจร
สํ + นิบาต = สน + นิบาต = สันนิบาต
3. วรรคกะ เป็นสนธิกับพยัญชนะเศษวรรค ให้เปลี่ยนนฤคหิต เป็น ง
เช่น สํ + สาร = สงสาร
สํ + หรณ์ = สังหรณ์
3. วรรคกะ เป็นสนธิกับพยัญชนะเศษวรรค ให้เปลี่ยนนฤคหิต เป็น ง
เช่น สํ + สาร = สงสาร
สํ + หรณ์ = สังหรณ์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น